ผู้เขียน หัวข้อ: งานครั้งที่ 47 [iot#22 NETPIE] วิธีส่งข้อมูลจำนวนมากขึ้น NETPIE แบบไม่ติดลิมิต  (อ่าน 10898 ครั้ง)

admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 706
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
งานครั้งที่ 47 [iot#22 NETPIE] วิธีส่งข้อมูลจำนวนมากขึ้น NETPIE แบบไม่ติดลิมิต
NETPIE ยอมให้มีการส่งค่าได้สูงสุด 4 ครั้งใน 1 วินาที (เพื่อป้องกันการโจมตีเซิร์ฟเวอร์) ดังนั้นการส่งข้อมูลที่เกิน 4 ครั้งในครั้งที่เกิน NETPIE จะไม่รับค่านั้น วิธีการแก้ไขสามารถทำได้โดยการรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่ต้องการส่งเป็นข้อความเดียวแล้วส่งไปในครั้งเดียวแทนการส่งข้อมูลหลายครั้ง

ลักษณะการส่งข้อมูล
1. กรณีที่ส่งข้อมูลมากกว่า 4 ครั้งใน 1 วินาที ข้อมูลในครั้งที่เกิน NETPIE จะไม่รับ (ข้อมูลนั้นจะสูญหาย)


2. วิธีการแก้ไขทำได้โดยการรวมข้อมูลให้เป็นข้อความเดียวแล้วส่งไปในครั้งเดียวแทน


คอนเซ็ปต์หลักของงาน
บอร์ดตรวจสอบสถานะของขาพอร์ตแล้วรวบรวมสถานะเป็นข้อความเดียวกันโดยแยกข้อมูลดัวยเครื่องหมาย , ก่อนส่งให้ NETPIE

[ขั้นตอนการดำเนินการ]
-สร้าง Application ID
-สร้าง Device Key สำหรับใช้กับบอร์ดทดลอง
-สร้าง Session Key สำหรับใช้กับ FreeBoard
-เขียนโค้ดเพื่อใช้งาน
-ออกแบบ FreeBoard

ซึ่งรายละเอียดเป็นดังนี้
วงจรที่ใช้ทดลอง ทั้งที่เป็นบอร์ด NodeMCU และ WeMOS D1 mini ที่ใช้งานเชื่อมต่อเดิมในงานนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น


ส่วนของการดำเนินการ NETPIE
1. เริ่มต้นการใช้งานโดยเข้าไปที่ https://netpie.io/ (หากยังไม่สมัครให้ดำเนินการ)
   (1) ล็อกอิน
   (2) คลิกที่ APPLICATIONS


2. คลิกสร้าง Application คลิกที่ตำแหน่งดังรูป (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


3. ใส่รายละเอียดของ Application  (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)
   (1) ตั้งชื่อ Application (ชื่อที่ไม่ซ้ำกับใคร ๆ)
   (2) คลิก CREATE


4. สร้าง Application Key  คลิกที่ตำแหน่งดังรูป  (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


5. สร้าง Application Key (Device Key)  (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)
   (1) ตั้งชื่อ
   (2) เลือกชนิด (เลือกเป็น Device Key)
   (3) คลิก CREATE


6. สร้าง Application Key (Session Key)  (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)
   (1) ตั้งชื่อ
   (2) เลือกชนิด (เลือกเป็น Session Key)
   (3) คลิก CREATE


7. คลิกที่ชื่อ Application Device   (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


8. คลิกที่ (1) เพื่อดูรหัส นำรหัสที่ปรากฏไปใช้ในโค้ดโปรแกรม


ส่วนจัดการโค้ด
9. แก้ไขรายละเอียดของโปรแกรม
   (1) นำค่าจากขั้นตอน 3,8 มาใส่ในโค้ด
   (2) กำหนดชื่อของบอร์ด
   (3) กำหนดชื่อเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร


10. โค้ดในส่วนที่ใช้ตรวจสอบข้อความที่ได้รับมาจาก NETPIE เพื่อควบคุมการติดดับของ LED


11. โค้ดในส่วนที่ส่งข้อความเข้า NETPIE
   (1) ตรวจสอบสถานะของลอจิกที่ขาพอร์ตแล้วกำหนดข้อความเป็น 1, และ 0, แทนสถานะ
   (2) รวบรวมสถานะของขาพอร์ตทุกขาไว้ในตัวแปรเดียว
   (3) ส่งข้อความขึ้น NETPIE


โค้ดโปรแกรม
โค๊ด: [Select]
#include <ESP8266WiFi.h>
#include <MicroGear.h>

const char* ssid= "wifi_name";
const char* password = "wifi_password";

#define APPID   "Application_ID"
#define KEY     "Application_ KEY"
#define SECRET  "Application_SECRET"

#define ALIAS   "Board1"
#define TARGET   "LivingRoom"
#define LED1     D1
#define LED2     D2
#define LED3     D3
#define LED4     D4
WiFiClient client;
int timer = 0;
MicroGear microgear(client);
void onMsghandler(char* topic, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
  Serial.print("Incoming message --> ");
  Serial.print(topic);
  Serial.print(" : ");
  char strState[msglen];
  for (int i = 0; i < msglen; i++) {
    strState[i] = (char)msg[i];
    Serial.print((char)msg[i]);
  }
  String stateStr = String(strState).substring(0, msglen);
  Serial.println(stateStr);
  if (stateStr == "LED1ON") digitalWrite(LED1, HIGH);
  else if (stateStr == "LED1OFF") digitalWrite(LED1, LOW);
  else if (stateStr == "LED2ON") digitalWrite(LED2, HIGH);
  else if (stateStr == "LED2OFF") digitalWrite(LED2, LOW);
  else if (stateStr == "LED3ON") digitalWrite(LED3, HIGH);
  else if (stateStr == "LED3OFF") digitalWrite(LED3, LOW);
  else if (stateStr == "LED4ON") digitalWrite(LED4, HIGH);
  else if (stateStr == "LED4OFF") digitalWrite(LED4, LOW);
}
void onFoundgear(char* attribute, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
  Serial.print("Found new member --> ");
  for (int i = 0; i < msglen; i++)
    Serial.print((char)msg[i]);
  Serial.println();
}
void onLostgear(char* attribute, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
  Serial.print("Lost member --> ");
  for (int i = 0; i < msglen; i++)
    Serial.print((char)msg[i]);
  Serial.println();
}
/*When a microgear is connected, dothis*/
void onConnected(char* attribute, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
  Serial.println("Connected to NETPIE...");
  /* Set the alias of this microgearALIAS */
  microgear.setAlias(ALIAS);
}
void setup()
{
  microgear.on(MESSAGE, onMsghandler);
  microgear.on(PRESENT, onFoundgear);
  microgear.on(ABSENT, onLostgear);
  microgear.on(CONNECTED, onConnected);

  Serial.begin(115200);
  Serial.println("Starting...");
  pinMode(LED1, OUTPUT);
  pinMode(LED2, OUTPUT);
  pinMode(LED3, OUTPUT);
  pinMode(LED4, OUTPUT);     
  digitalWrite(LED1, LOW);
  digitalWrite(LED2, LOW);
  digitalWrite(LED3, LOW);
  digitalWrite(LED4, LOW);
  if (WiFi.begin(ssid, password))
  {
    while (WiFi.status() != WL_CONNECTED)
    {
      delay(500);
      Serial.print(".");
    }
  }
  Serial.println("WiFiconnected");
  microgear.init(KEY, SECRET, ALIAS);
  microgear.connect(APPID);
}
void loop()
{
  if (microgear.connected()) {
    microgear.loop();
    String status_LED1,status_LED2,status_LED3,status_LED4,data2freeboard;
    status_LED1= digitalRead(LED1)? "1,":"0,";
    status_LED2= digitalRead(LED2)? "1,":"0,";
    status_LED3= digitalRead(LED3)? "1,":"0,";
    status_LED4= digitalRead(LED4)? "1,":"0,";           
    data2freeboard = status_LED1+status_LED2+status_LED3+status_LED4 ;
    microgear.chat(TARGET, data2freeboard);
    Serial.print("Send message to NetPie: ");
    Serial.println(data2freeboard);
  }
  else {
    Serial.println("connection lost, reconnect...");
    if (timer >= 5000) {
      microgear.connect(APPID);
      timer = 0;
    }
    else timer += 100;
  }
  delay(1000);
}

12. อัพโหลดโปรแกรม แล้วเปิด Serial monitor


ส่วนจัดการ FreeBoard
13. คลิกสร้าง FreeBoard ดังรูป (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 และต้องการใช้ตัวเดิมให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป)
   -คลิก RESOURCES เลือก FREEBOARDS
 
   -คลิกที่ +


12. ตั้งชื่อ FreeBoard (ชื่อต้องไม่ซ้ำใคร) (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


13. คลิกที่ชื่อ FreeBoard


14. คลิกที่รูปประแจ


15. คลิก ADD (Data Source)   (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 47 และต้องการใช้ตัวเดิมจะมีข้อมูลอยู่แล้วให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


16. เลือก NETPIE Microgear   (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


17. เปิดหน้า Application ทำการคลิกที่ Session key เพื่อดูรหัส   (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)


18. ใส่รายละเอียด   (หากผู้ใช้งานได้ทำแล้วในงานครั้งที่ 46 ข้ามขั้นตอนนี้ไป)
   (1) ตั้งชื่อ Data Source
   (2) ใส่ Key ต่าง ๆ จากข้อ 17


สร้างกระดานแสดงข้อความ Text
19. เมื่อบอร์ดเชื่อมต่อตัวเลขเวลาจะเดิน ทำการคลิก ADD PANE


20. คลิกที่รูปบวก


21. เลือก Text


22. คลิกที่ Data Source จะปรากฏรายการชื่อให้เลือกชื่อที่ตรงกับ Data Source ที่ใช้งานปัจจุบันหน้านี้


23. คลิกต่อ ให้สังเกตุรายการ Target ที่ปรากฏ เลือกชื่อ Target ให้ตรงกับโค้ดที่เขียนบนบอร์ด โดยชื่อ Target จะขึ้นได้เมื่อบอร์ดเชื่อมต่อแล้ว(ตัวเลขนาฬิกาเดิน)


สร้างปุ่มกดแบบ Toggle
24. ข้อความที่ส่งมาจากบอร์ดจะปรากฏ ทำการเพิ่มวิตเจ็ตโดยกดที่ ADD PANE


25. คลิกที่ +


26. เลือก Toggle


27. รายละเอียด
   (1) ใส่ชื่อสวิตช์เป็น LED1
   (2) คลิกที่ DATASOURCE
   (3) เลือกชื่อ DataSource ที่เราสร้างไว้


28. ต่อ..
   (1) รายละเอียด Target จะปรากฏขึ้น ให้เลือก Target ตัวที่เขียนไว้ในโค้ด (จะขึ้นก็ต่อเมื่อบอร์ดส่งค่าขึ้น NETPIE สังเกตจากตัวเลขเวลา)
   (2) คลิก JS EDITOR


29. เพิ่มคำสั่งเพื่อตัดข้อความที่รับเข้ามาโดยเอาเฉพาะตัวแรกที่ส่งมาตรวจสอบว่าเป็นค่า '1' ซึ่งเป็นค่าที่ส่งมาหรือไม่ ใช้คำสั่ง
   .split(",")[0]=='1'
   หมายถึงแยกข้อความด้วยเครื่องหมาย , และข้อมูลแรกเป็น '1' หรือไม่


30. ใส่คำสั่งที่ต้องการให้ทำเมื่อคลิก ON และ OFF ในที่นี้ต้องการให้ DataSouce ส่งค่าไปยังบอร์ดที่ชื่อว่า Board1 ว่า LED1ON เมื่อคลิก ON และส่งคำว่า LED1OFF เมื่อคลิก OFF รูปแบบดังนี้
   microgear["FreeBoard1"].chat("Board1","LED1ON")
   microgear["FreeBoard1"].chat("Board1","LED1OFF")


31. ทำการคลิกทดสอบแล้วดูผลที่บอร์ด  แล้วคลิก + เพื่อเพิ่มสวิตช์ตัวที่ 2,3,4 ตามลำดับ คำสั่งเพิ่มในแต่ละปุ่มเป็นดังนี้
   .split(",")[1]=='1'       สำหรับสวิตช์ตัวที่ 2
   .split(",")[2]=='1'       สำหรับสวิตช์ตัวที่ 3
   .split(",")[3]=='1'       สำหรับสวิตช์ตัวที่ 4
ส่วนคำสั่งเมื่อกดสวิตช์ ON และ OFF ใช้คำสั่งแบบสวิตช์ตัวที่ 1 เพียงแต่แก้เป็น LED2ON,LED2OFF,LED3ON,LED3OFF....


สร้างหลอดแสดงผล
32. ทดลองคลิกสวิตช์แล้วดูผลที่บอร์ด คลิกที่ ADD PANE เพื่อเพิ่มวิตเจ็ต


33. คลิก +


34. คลิกเลือก Indicator Light


35. รายละเอียด
   (1) ใส่ชื่อสวิตช์เป็น LED1
   (2) คลิกที่ DATASOURCE
   (3) เลือกชื่อ DataSource ที่เราสร้างไว้


36. ต่อ..
   (1) รายละเอียด Target จะปรากฏขึ้น ให้เลือก Target ตัวที่เขียนไว้ในโค้ด (จะขึ้นก็ต่อเมื่อบอร์ดส่งค่าขึ้น NETPIE สังเกตจากตัวเลขเวลา)
   (2) คลิก JS EDITOR


37. เพิ่มคำสั่งเพื่อตัดข้อความที่รับเข้ามาโดยเอาเฉพาะตัวแรกที่ส่งมาตรวจสอบว่าเป็นค่า '1' ซึ่งเป็นค่าที่ส่งมาหรือไม่ ใช้คำสั่ง
   .split(",")[0]=='1'
   หมายถึงแยกข้อความด้วยเครื่องหมาย , และข้อมูลแรกเป็น '1' หรือไม่


38. ทดสอบโดยคลิกสวิตช์ LED1 แล้วดูผลที่บอร์ด  แล้วคลิก + เพื่อเพิ่มหลอด์ตัวที่ 2,3,4 ตามลำดับ คำสั่งเพิ่มในแต่ละปุ่มเป็นดังนี้
   .split(",")[1]=='1'       สำหรับหลอดไฟตัวที่ 2
   .split(",")[2]=='1'       สำหรับหลอดไฟตัวที่ 3
   .split(",")[3]=='1'       สำหรับหลอดไฟตัวที่ 4


39. ทดสอบโดยคลิกสวิตชแต่ละตัว แล้วดูผลที่บอร์ดและหน้า FreeBoard

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2018, 03:50:30 PM โดย admin »